รวมเทคนิคการถนอมที่ชาร์จ และสายชาร์จ สำหรับ iPhone และ iPad เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนาน และไม่เสียหายก่อนเวลาอันควร
รวมเทคนิคการถนอมที่ชาร์จ และสายชาร์จ สำหรับ iPhone และ iPad เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนาน และไม่เสียหายก่อนเวลาอันควร |
ข่าวไอที
สำหรับผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์ของ Apple โดยเฉพาะ iPhone หรือ iPad แน่นอนว่าชีวิตประจำวันคงหลีกหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้งานที่ชาร์จ เพื่อที่จะชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ของท่าน รวมถึงการใช้สายชาร์จเพื่อการซิงค์ข้อมูลกับเครื่องคอมพิวเตอร์
และเมื่อมีการใช้งานบ่อยๆ ก็ย่อมเป็นเหตุให้ที่ชาร์จ หรือสายชาร์จ เกิดการชำรุด หรือเสียหายได้ หนักเบาแตกต่างกันไปตามความหนักหน่วงของการใช้งาน ซึ่งถ้าหากเกิดอาการ iDevice ชาร์จไฟไม่เข้า หรือไม่สามารถซิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ได้ ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่าที่ชาร์จ หรือสายชาร์จของท่านอาจจะเกิดการชำรุดเสียหาย
ดังนั้นในวันนี้ ทางทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์จึงขอนำเสนอวิธีง่ายๆ ในการตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตนเองเพื่อหาสาเหตุว่าอุปกรณ์ไหนชำรุด พร้อมวิธีป้องกัน และแก้ไข เพื่อไม่ให้ที่ชาร์จ หรือสายชาร์จของท่านชำรุดก่อนเวลาอันควร และให้อุปกรณ์เหล่านี้อยู่คู่กับท่านได้ยาวนานที่สุด
วิธีการตรวจเช็กหาสาเหตุว่าอุปกรณ์ใดที่ชำรุดกันแน่?
- ให้ลองเช็กดูว่าช่องเสียบปลั๊กไฟมีปัญหาหรือไม่ วิธีการตรวจเช็กง่ายมากเพียงแค่ใช้ที่ชาร์จ และสายชาร์จไอโฟน หรือไอแพดอันเดิม เสียบเข้ากับช่องปลั๊กไฟอื่น ถ้าหากว่า iPhone หรือ iPad สามารถชาร์จได้ตามปกติ แสดงว่ามีปัญหาจากปลั๊กไฟแน่นอน
- เช็กว่ามีปัญหาจากไอโฟน หรือไอแพด โดยลองใช้สายชาร์จ, ที่ชาร์จ และปลั๊กไฟเดียวกัน แต่ลองกับ iDevice อื่นๆ ว่าชาร์จแล้วมีกระแสไฟเข้าหรือไม่ ซึ่งถ้าหากลองแล้วพบว่ามีกระแสไฟเข้า iDevice อื่น แต่ไฟไม่เข้า iDevice บางชิ้น ก็ให้ส่ง iDevice ที่ไฟไม่เข้านั้นไปยังศูนย์บริการเพื่อทำการขอเคลมได้
- ทดสอบว่ามีปัญหาจากสายชาร์จหรือไม่ โดยลองสลับสายชาร์จ แต่ยังคงใช้ปลั๊กไฟ, ที่ชาร์จ และ อุปกรณ์ iDevice เดิม หรือถ้าหากว่าไม่สามารถหาปลั๊กไฟได้ในขณะนั้น สามารถเปลี่ยนจากปลั๊กไฟเป็นคอมพิวเตอร์ หรือเครื่อง MAC แล้วลองซิงค์ข้อมูลว่าสามารถเชื่อมต่อได้หรือไม่ ถ้าหากว่าสามารถชาร์จมีปัญหาจะไม่สามารถเชื่อมต่อ หรือซิงค์ข้อมูลได้ รวมถึงไม่สามารถชาร์จไฟได้ ถ้าหากว่ายังอยู่ในประกัน ให้นำสายชาร์จไปเคลมได้จากศูนย์บริการเช่นกัน
- ถ้าทดสอบทั้งสามวิธีด้านบนแล้ว ยังไม่สามารถชาร์จ iPhone หรือ iPad ได้ แสดงว่าปัญหาอาจเกิดมาจากที่ชาร์จ หรืออะแดปเตอร์ โดยถ้าหากมีที่ชาร์จมากกว่าหนึ่งชิ้น ให้ลองสลับที่ชาร์จดู แต่ยังใช้อุปกรณ์อื่นๆ เหมือนเดิม แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ลองหยิบยืมเพื่อนที่ก็ได้ ถ้าลองสลับที่ชาร์จแล้ว สามารถใช้งานได้ตามปกติ แสดงว่าเกิดปัญหาจากที่ชาร์จอย่างแน่นอน
วิธีการป้องกันความเสียหาย และวิธีแก้ไขสำหรับสายชาร์จแบบ Lightning
หลังจากที่ Apple ได้เริ่มเปลี่ยนรูปแบบของสายเคเบิลใหม่ให้เป็นสายแบบ Lightning ในช่วงยุคของ iPhone 5 โดยเปลี่ยนจากสายเคเบิลแบบเดิมที่เคยใช้ใน iPhone 4S ซึ่งทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เพราะสามารถเสียบได้ทั้งสองด้าน แต่สายเคเบิลแบบ Lightning ก็มีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน เพราะสายเคเบิลแบบใหม่ เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานาน จะทำให้สายเคเบิลพับ และหักงอได้ อีกทั้งเมื่อเจอกับการใช้งานที่ต้องถอดเข้าถอดออกบ่อยมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สายเคเบิลจะเริ่มย่นในบริเวณข้อต่อ และถ้าปล่อยไว้นานๆ บริเวณที่ย่นก็จะฉีกขาด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สายเคเบิลเสียหาย ไม่สามารถใช้งานได้
วิธีการป้องกันไม่ให้สายชาร์จชำรุด
1. ไม่ควรพับสายเคเบิล ทางที่ดีคือควรม้วนเป็นวงกลมใหญ่ๆ เพื่อลดการหักงอ และไม่ควรเก็บสายชาร์จไว้ในที่อุณหภูมิสูงจนเกินไป ควรเก็บสายชาร์จไว้ในที่อุณหภูมิห้อง และหลีกเลี่ยงแสงแดด
2. ไม่ควรชาร์จ iPhone หรือ iPad แล้วเล่นไปด้วย เพราะในขณะที่เราเล่นอุปกรณ์ iDevice ต่างๆ ในขณะที่ชาร์จไปด้วย จะทำให้เกิดแรงกระชาก หรือทับสายชาร์จได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สายชาร์จชำรุดเร็วมากยิ่งขึ้น
3. หาอะไรมาห่อหุ้มสายชาร์จเฉพาะบริเวณข้อต่อ ที่เป็นจุดอ่อนไหวที่สุดของสายชาร์จ เช่นท่อหด โดยวิธีนี้สามารถช่วยได้ค่อนข้างมาก เพราะบริเวณข้อต่อนั้น เป็นจุดที่ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพื่อรักษาสายชาร์จไว้ให้คงทนยาวนานที่สุด
ถ้าหากว่าสายเคเบิลเกิดชำรุด แต่ยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน ก็สามารถนำไปเคลมได้ที่ศูนย์บริการ แต่ถ้าหากหมดประกันแล้ว สายชาร์จยังใช้ได้อยู่เพียงแต่มีจุดที่ฉีกขาด หรือพับงอ ลองใช้เทปกาวพันรอบสายเคเบิลที่ชำรุด ก็ทำให้ใช้งานต่อได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนสำหรับใครที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญในเรื่องของสายไฟ อาจจะลองซ่อมแซมสายเคเบิล Lightning ตามคลิปด้านล่างนี้ได้ แต่ทางเราไม่แนะนำให้ทำตามสำหรับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้
แต่ถ้าลองเกิดว่าสายชาร์จชำรุดถึงขนาดไม่สามารถใช้งานได้ สุดท้ายแล้วคือต้องหาซื้อสายชาร์จมาทดแทน วิธีการเลือกซื้อนั้นไม่ยาก สามารถซื้อได้จากเว็บไซต์ของ Apple โดยตรง หรือสามารถหาซื้อสายชาร์จที่ได้รับมาตรฐาน MFi จาก Apple เพราะถ้าหากซื้อสายเคเบิลที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะไม่สามารถใช้สายเคเบิลนั้น เพื่อชาร์จ หรือซิงค์ข้อมูลใดๆ ได้ รวมถึงอาจเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับตัวเครื่อง
วิธีป้องกันความเสียหาย และวิธีแก้ไขสำหรับที่ชาร์จ iPhone, iPad
การป้องกันความเสียหายสำหรับที่ชาร์จคือควรจะเสียบที่ชาร์จก่อน แล้วค่อยเสียบสายชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ iDevice ต่างๆ เพื่อป้องกันไฟกระชาก ไม่ควรจะเสียบสายชาร์จไว้ที่ iDevice แล้วค่อยมาเสียบที่ชาร์จกับปลั๊กไฟ เพราะอาจทำให้หัวชาร์จ และอุปกรณ์ iDevice เกิดไฟกระชากได้
โดยปกติในส่วนที่ชาร์จมักจะเป็นส่วนที่เสียหายยาก ผิดกับสายชาร์จหรือสายเคเบิล ที่ต้องถอดเข้าถอดออก ทำให้มีโอกาสเสียหายได้ง่ายมากกว่า ส่วนการซ่อมที่ชาร์จ หรืออะแดปเตอร์นั้น ทางเราไม่แนะนำให้ซ่อมด้วยตัวเอง เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ จึงแนะนำว่าเมื่ออะแดปเตอร์ หรือที่ชาร์จเสีย และอุปกรณ์ยังอยู่ในประกัน ก็สามารถนำไปเคลมที่ศูนย์บริการได้
หรือถ้าต้องการใช้ชั่วคราว ก็สามารถนำที่ชาร์จของ iPad ที่มีขนาด 12 วัตต์ มาใช้ชาร์จ iPhone แทนก่อนได้ และจะทำให้ชาร์จ iPhone ได้เร็วขึ้นด้วย ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีทั้งอะแดปเตอร์ iPhone และ iPad
แต่ถ้าหากว่าที่ชาร์จหมดประกัน และไม่มีให้เปลี่ยนแล้ว ก็สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ของแอปเปิ้ลโดยตรง ซึ่งอาจจะมีราคาสูงสักหน่อย แต่ก็มั่นใจในคุณภาพได้มากที่สุด หรืออาจจะซื้อที่ชาร์จที่มีโลโก้ MFi ปรากฏอยู่ โดยมาตรฐาน MFi คือการรับรองว่าสามารถใช้บนอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับ Apple ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งผ่านการรับรองโดย Apple เอง จึงทำให้สินค้ามีคุณภาพ และราคาสินค้ามักจะถูกกว่า Apple เองเล็กน้อย
และขอย้ำว่าเราไม่แนะนำให้ซื้อที่ชาร์จปลอม เพราะไม่ได้มาตรฐานในการใช้งาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากการใช้อะแดปเตอร์ปลอมได้ เพื่อแลกกับความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย ดังนั้นท่านควรเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมที่ได้การรับรองจาก Apple โดยตรง สุดท้ายนี้ก็หวังว่าบทความของเราจะช่วยให้ท่านสามารถรักษาที่ชาร์จ, สายชาร์จ รวมถึงตัวเครื่อง iDevice ให้อยู่กับท่านได้ยาวนานที่สุดนะครับ
นำเสนอทิป&ทริคโดย : Thaimobilecenter.com
ไม่มีความคิดเห็น: